วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ครั้งที่8

บันทึกอนุทินครั้งที่ 8

การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

กลุ่ม 103 วันอังคาร 08:30-12:20

วันที่ 7 เดือนตุลาคม พ.ศ.2557


****สัปดาห์นี้ไม่มีการเรียนการสอน****

 เนื่องจากเป็นสัปดาห์ของการสอบกลางภาค


ครั้งที่7

บันทึกอนุทินครั้งที่ 7

การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

กลุ่ม 103 วันอังคาร 08:30-12:20

วันที่ 30 เดือนกันยายน พ.ศ.2557
               
           เริ่มต้นชั่วโมงเรียน ด้วยการผลิต กังหันหมุนแล้วให้นนักศึกษา ออกไปโยสิ่งประดิษฐ์ ของตน
แล้วสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ความแตกต่างของผลงานของแต่ละคน 
กิจกรรมนี้สามารถบูรณาการเข้ากับรายวิชาศิลปะสร้างสรรค์ได้  
ลม คือ แรงกระทบกับอากาศทำให้อากาศเคลื่อนที่หรื่อที่เรียกอีกอย่างอากาศที่เคลื่อนที่



การประดิษฐ์ชิ้นที่ 2 แกนทิชชู





ขั้นตอนการประดิษฐ์

1 นำกระดาษที่ได้มาพับครึ่ง  แล้วนำกรรไกรมาตัดเป็นแนวตรงยาวให้ชิดกับรอยพับครึ่งของกรรไกร
2 พับส่วนบนของกระดาษเข้ามา  1 เซนติเมตร
3 นำคลิปหนีบกระดาษมาหนีบไว้ด้านที่พับส่วนบนเข้ามา  จากนั้นกางปีกส่วนที่โดนตัดออกไปคนละด้าน    กัน
4 นำมาทดลองเล่น  โดยการโยนและทำให้กระดาษหมุน
นำเสนอบทความ

1. นางสาวจิราวรรณ นวลโฉม
เรื่อง ฝึกลูกให้คิดแบบวิทยาศาสตร์
วิธีฝึก การสอนแบบใช้ 5 E
1.การมีส่วนร่วม
2.ขั้นการสำรวจ ให้ค้นคว้าสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
3.ขั้นอธิบาย  ให้ลูกวิเคราะห์อธิบายขั้นที่ผ่านมาตามความเข้าใจ
4.ขั้นรละเอียด ให้เด็กได้เชื่อมโยงความรู้ และขยายความรู้ที่ได้เรียนรู้มา
5.ขั้นนประเมิน ให้เด็กประเมินนตนที่ผ่านมาอย่างเป็นไปแบบมีเหตุมีผล

2.นางสาวแอนนา ชาวสวน
เรื่อง วิทยาศาสตร์เรียนนรู้จากไก่และเป็ด
เป็นความแบบสืบเสาะ โดยให้เด็กรู้จักสังเกตเปรียบเทียบข้อมูลทั้งเป็ดและไก่แล้วนำมาเปรียบเทียบข้อเหมือนและข้อแตกต่าง ระหว่างไก่และเป็ด และให้เด็กออกมาสรุปเอง ผ่านสิ่งประดิษฐ์ที่เด็กประดิษฐ์ขึ้นมาเองทั้งเป็ดและไก่  การที่ให้เด็กสังเกตนอกสถานที่ จะทำให้เด็กได้รับทั้งประสบการณ์และได้สัมผัสกับสิ่งที่เขาได้ทดลองเรียนนรู้ที่เป็นของจริง

3.นางสาวชนิดา บุญนาโค
เรื่อง ให้เด็กมีความสนุกสนานในการเรียนนรู้วิทยาศาสตร์อย่างไร
  • สร้างเจตคติที่ดีให้กับเด็ก 
  • ให้เด็กสังเกตและทดลองจริง
  • บูรณาการวิทาศาสตร์เข้ากับรายวิชาอื่นๆ
  • เปลี่ยนบรรยากาศพาเด็กไปสำรวจ
  • ให้เด้กประดิษฐ์ชิ้นงาน
  • พาเด็กไปชมนิทรรศการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
  • นำนิทานมาสอดแทรกเนื้อหาวิทยาศาสตร์
  • ให้เด็กจัดนิทรรศการเอง
4.นางสาวสรวงกมล สุเทวี
เรื่อง หลักสูตรวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์มีความจำเป็นต่อเด็ก เพราะวิทยาศาสตร์จะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ ได้ทดลอง การหาเหตุผลด้วยตนเอง เพราะวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเด็ก หลักสูตร คือ มวลประสบการณ์ที่เราจัดให้กับเด็กที่ส่งเสริมพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ

5.นางสาวณัชลิตา สุวรรณมณี
คุณครูหรือผู้ปกครองไม่ควรปิดกั้นการตั้งคำถามของเด็ก และกระบวนการคิดผ่านโครงงาน กระบวนการคิดของเด็กในเมืองกับเด็กชนบทจะแตกต่างกันเนื่องจาก สภาพแวดล้อม เนื้อหาข้อมูล ความเป็นอยู่ เป็นต้น


เทคนิคการสอนของอาจารย์
อาจาร์ยผู้สอนให้นักศึกษาได้ใช้ความคิดแบบอิสระ  ให้เด็กได้คิด  และทำตามจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบภาพการ์ตูน  และการเล่นอย่างไรให้สิ่งของเคลื่อนไหวได้  สิ่งที่เด็กจะได้ ได้ฝึกการสังเกต  และลงมือประดิษฐ์เอง โดยมีอาจาร์ยผู้สอนให้คำปรึกษาอยู่ห่างๆ


การนำไปประยุกต์ใช้
     สามารถนำกิจกรรมงานประดิษฐ์ที่ครูสอนไปใช้ในการเรียนการสอนเด็กปฐมวัยในอนาคต   และสามารถนำไปใช้ในกิจกรรมศิลปะ   วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์   เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว  แรงดึง  เเรงดัน   จะทำให้เด็กมีจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ไปในตัว  และได้ปฏิบัติงานด้วยตนเอง



ประเมินตนเอง 
ในสัปดาห์นี้ให้คะเเนนตัวเอง 90 คะเเนน เพราะตั้งใจเรียน แต่งกายเรียบร้อย   และมีส่วนร่วมในการตอบคำถามในห้องเรียน

ประเมินเพื่อน
ในรายสัปดาห์นี้ให้คะเเนนเพื่อน 100 คะเเนน  เพราะเพื่อนตั้งใจเรียนและเเต่งกายเรียบร้อย  และมีส่วนร่วมในการตอบคำถามในห้องเรียน

ประเมินครูผู้สอน  
อาจารย์สอนเข้าใจง่าย   เเต่งกายเรียบร้อย  เเละเข้าสอนตรงเวลา   และ power point  มีความสวยงามดูแล้วไม่ลายตา เนื้อหาเข้าใจได้ง่าย ชัดเจนค่ะ

ครั้งที่6

บันทึกอนุทินครั้งที่ 6

การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

กลุ่ม 103 วันอังคาร 08:30-12:20

วันที่ 23 เดือนกันยายน พ.ศ.2557

วันนี้อาจารย์ติชม เรื่องบล็อกเกอร์ บอกถึงข้อตกลงของบล็อกให้นักศึกษาทำตามข้อตกลงด้วย
สิ่งที่ได้รับและรายละเอียดการเรียนในวันนี้
วิธีการเรียนรู้คือ การลงมือทำ การปฎิบัติ
เด็กเรียนนรุ้โดยเด็กลงมือกระทำเองหรือเรียกอีกอย่างว่า วิธีการเรียนรู้  (How to Learn)



ข้อคิด กระจกยิ่งทำมุมกว้าง ยิ่งเห็นวัตถุน้อย ยิ่งทำมุมแคบ ยิ่งเห็นวัตถุได้มาก

รายวิชาเสริมประสบการณ์
- กาย = สุขภาพ ประสาทสัมผัสของกล้ามเื้อกับอวัยวะ
- อารมณ์ = การแสดงออกทางความรู้สึก
- สังคม = การมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น การช่วยเหลือตนเอง
- สติปัญญา = การคิด การสื่อสาร

กิจกรรมวันนี้

 กิจกรรมการหมุนภาพทำให้เกิดภาพซ้อน




                                                          ด้านหน้า                               ด้านหลัง


กิจกรรมนี้ เป็นการประดิษฐ์ของเล่นง่ายๆที่สามารถนำไปบูรณาการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับรายวิชาศิลปะก็ได้



กิจกรรมนี้ อาจารณ์ได้แจกนักศึกษาไว้ และนำมาใช้ประดิษฐ์ในสัปดาห์ถัดไป


หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรม ก็เป็นการนำเสนอบทความของเพื่อน
คนที่ 1 นางสาววิรัญดา ขยันงาม

การส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับพืชต่างๆ พ่อแม่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้ซึ่งสามารถจัดกิจกรรมเรียนรู้ให้เด็กง่ายๆจากกิจวัตรประจำวัน หรือสิ่งแวดล้้อมรอบตัว เช่น การเข้าครัวทำอาหารที่เกี่ยวกับผัก เด็กก็จะได้เรียนรู้ไปในตัว ว่าผักชนิดนั้นที่เขาช่วยคุณแม่ล้างเป็นผักอะไร มีประโยชน์ อย่างไร นอกจากเด็กได้เรียนรู้เกี่ยวผักแล้วยังเป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวอีกด้วย

คนที่ 2 นางสาวอรุณจิตร หาญห้าว

นิทานมีส่วนช่วยในการเรียนรู้คือ มีรูปภาพ เนื้อหาไม่เยอะจนเกินไป ฟังง่าย สั้นๆกระชับ เรามักจะนำเนื้อหาความรู้ สอดแทรกผ่านการเล่านิทาน 
การร้องเพลง ลักษณะของเพลงต้องมีจังหวะ ทำนอง ฉะนั้นการเล่านิทานจึงง่ายกว่าการร้องเพลงประกอบเนื้อหาแต่ถ้ามองในความชอบของเด็ก เด็กจะชอบการเล่าเนื้อหา ประกอบเพลงมากกว่า

คนที่ 3 นางสาวณัฐิดา รัตนชัย

เรื่องแนวทางสอนคิด เติมวิทย์ ให้เด็กอนุบาล
ดร.วรนาท รักสกุลไท นักการศึกษาปฐมวัยผู้อำนวยการโรงเรียนเกษมพิทยา (ฝ่ายอนุบาล) กล่าวว่า  เราคงทราบดีกันอยู่เเล้วว่าวิทยาศาสตร์มีความสำคัญเพียงใด แต่สำหรับเด็กอนุบาล แนวทางการสอนต่างหากที่จะทำให้เด็กสนใจสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ครูต้องแม่นยำในพัฒนาการของเด็ก เพื่อที่จะสามารถจัดการเรียรู้ ได้สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กรวมถึงต้องอย่าลืมเรื่องจินตนาการที่มีสูงในด็กวัยนี้

คนที่ 4 นางสาวอนิทิมล เสมมา 

เรื่อง การทดลองวิทยาศาสตร์สนุกๆกับคุณหนูๆ
การทดลองวิทาศาสตร์สำหรับเด็กยังช่วยฝึกให้ลูกน้อยเพิ่มทักษะความรู้ เกี่ยวกับการสังเกตและการค้นคว้าหาคำตอบด้วยเหตุและผล ทักษะการมอง ทักษะการฟัง  ทักษะการดม ทักษะการลิ้มรสช่วย ทักษะการสัมผัส เป็นต้น

หลังจากที่เพื่อนๆนำเสนอบทความเสร็จอาจารย์ก็ตรวจและแสดงความคิดเห็น mind map งานกลุ่มของแต่ละกลุ่ม
       

ศึกษาเพิ่มเติม

ฌอง ฌาค รุสโซ (Jean Jacques Rouseeau ) “เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว” การให้การศึกษาแก่เด็กทำความเข้าใจธรรมชาติของเด็กเสียก่อน


การทำงานของสมองคือ

         อยู่ภายในกะโหลกศีรษะ แบ่งเป็น 3 ตอน คือ สมองส่วนหน้า (Forebrain) สมองส่วนกลาง (Midbrain) และสมองส่วนท้าย (hindbrain) สมองในสัตว์มีกระดูกสันหลังชั้นสูงจะมีวิวัฒนาการไปมากโดยเฉพาะส่วนหน้าจะมีขนาดใหญ่และซับซ้อนขึ้น แต่สมองส่วนกลางจะค่อย ๆ เล็กลงเพราะจะลดความสำคัญลงไป

สมองส่วนหน้า (Forebrain)
ปลาและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สมองส่วนนี้ทำหน้าที่เพียงรับสัญญาณการดมกลิ่นจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 1 ส่วนสัตว์มีกระดูกสันหลังชั้นสูง ส่วนที่เรียกว่า Cerebrum จะควบคุมการใช้ความคิดความจำ การใช้เหตุผล การแปรหรือรับความรู้สึกชนิดต่าง ๆ เป็นศูนย์ควบคุมการเคลื่อนไหว การมองเห็นและการได้ยินเสียง Cerebrum มีร่องลึกหรือรอยบุ๋มมากมายเพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ที่เรียกว่า convolution ส่วนท้ายของสมองส่วนหน้าแยกเป็น ธาลามัส (thalamus) และไฮโปธาลามัส (hypothalamus) ธาลามัสทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณความรู้สึกที่มาจากไขสันหลังและสมองเพื่อส่งไปยังส่วนหน้าสุดของซีรีบรัม ไฮโปธาลามัสอยู่ใต้ธาลามัสติดกับต่อมใต้สมอง (pituitary grand) ทำหน้าที่ควบคุมการนอนหลับ การกิน การกระหายน้ำ การหนีภัย การค่อสู้ การรักษาสมดุลของร่างกาย รวมทั้งการรักษาอุณหภูมิของร่างกาย และพฤติกรรมทางเพศ

สมองส่วนกลาง (Midbrain)
สัตว์มีกระดูกสันหลังชั้นต่ำ สมองส่วนนี้เป็นศูนย์กลางของการมองเห็น สัตว์เลื้อยคลานกับนก ทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณการมองเห็นไปยังซีรีบรัม สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นเพียงสถานีถ่ายทอดสัญญาณระหว่างสมองส่วนท้ายและสมองส่วนหน้า และระหว่างตากับสมองส่วนหน้า

สมองส่วนท้าย (Hindbrain)
ประกอบด้วยซีรีบรัม (cerebellum) เมดุลลาออบลองกาตา (medulla oblongata) และ พอนส์ (pons) ซีรีบลัมมีหน้าที่หลักในการควบคุมการทรงตัว ควบคุมและประสานงานการเคลื่อนไหว พอนส์ควบคุมการเคี้ยวและกลืน เมดุลลาออบลองกาตาทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น ควบคุมการหายใจ การเต้นของหัวใจ เป็นต้น

ครั้งที่5

บันทึกอนุทินครั้งที่ 5

การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

กลุ่ม 103 วันอังคาร 08:30-12:20

วันที่ 16 เดือนกันยายน พ.ศ.2557

   
          เริ่มต้นชั่วโมงเรียน อาจารย์เปิดเพลงให้ฟังเกี่ยวกับเพลง วิทยาศาสตร์ พอเพลงจบ    อาจารย์ได้ถามเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเกิดขึ้นเพราะอะไรเพราะนักศึกษาไม่ได้ตั้งใจฟัง ทำให้ฟังเพลงไม่รู้เรื่อง เสียงที่คุยกันดังกว่าเสียงเพลงที่อาจารย์เปิดทำให้นักศึกษาไม่เข้าใจเนื้อหาของเพลงไม่เข้าใจเพลงที่อาจารย์เปิดสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เกิดประโยชน์ต่อนักศึกษาเพราะทำให้นักศึกษาไม่เข้าใจ ควรปรับปรุงแก้ไขคือควรตั้งใจฟังเพลงให้จบ แล้วจับใจความเนื้อหาของเพลง ว่าอาจารย์ต้องการจะสื่ออะไรกับนักศึกษาแล้วนำมาตอบคำถามในห้องเรียน
บทความของเพื่อน

 1.การสอนเรื่องปรากฎการณ์ธรรมมีความสำคัญอย่างไร
 2.วิทยาศาสตร์กับเด็กปฐมวัย
ทักษะที่ได้รับ

- การเรียงลำดับ
- การจำแนก
- การสังเกต
สาระที่เด็กควรเรียนร
- เรื่องราวเกี่ยวกับคนและสถานที่และสิ่งแวดล้อม- ธรรมชาติรอบตัว- สิ่งต่างๆรอบตัวเรา


ความลับของแสง < The Secret of Light >

   แสงมีความสำคัญกับตัวเรามากเพราะแสงช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ซึ่งจะเป็นคลื่นชนิดหนึ่งที่สั้นและยาว แสงยังเคลื่อนที่ได้เร็วถึง 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที ถ้าวิ่งได้เร็วเท่าแสงจะวิ่งได้ 7 รอบต่อวินาทีแสงยังช่วยในการมองเห็นของรอบตัวเราได้เพราะแสงส่องสว่างลงมากระทบวัตถุหนึ่งต่อวัตถุหนึ่งทำให้เรามองเห็นสิ่งของได้
 การเคลื่อนที่ 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที วิ่งรอบโลก 7 รอบต่อวินาที
ประเภทของวัตถุ
- วัตถุโปร่งแสง
- วัตถุโปร่งใส
- วัตถุทึบแสง
คุณสมบัติ
- การหักเหของแสง
- การเดินทางของแสงเป็นเส้นตรง
- การสะท้อนของแสง
ประโยชน์
 - กล้องส่องทางไกล , ทำกล้องฉาพภาพ
 -  ทำให้มองเห็นสิ่งรอบตัวได้ชัดขึ้น
-  ขยายภาพ การจุดไฟ

ประเมินตนเอง
  คุยกันในห้องทำให้อาจารย์สร้างสถานการณ์ขึ้นมา ไม่ค่อยตั้งใจฟังเพลงที่อาจารย์เปิดแต่ตั้งใจฟังเพื่อนอ่านบทความ
ประเมินเพื่อน
 เพื่อนคุยกันในขณะที่อาจารย์เปิดเพลง ทำให้อาจารย์สร้างสถานการณ์ขึ้นมาแต่เพื่อนบางกลุ่มก็ตั้งใจฟังเพลงฟังอาจารย์
ประเมินอาจารย์ อาจารย์มีเพลงมาเปิดให้ก่อนเรียนแต่นักศึกษาไม่ตั้งใจฟังอาจารย์ได้ยกสถานการณ์ขึ้นมาและอาจารย์มีธุระให้ไปดูวีดีโอความลับของแสง

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

ครั้งที่4

บันทึกอนุทิน
วันที่9กันยายน2557
ครั้งที่4 เวลา 08.30-12.20น.
เวลาเข้าเรียน08.30 น. เวลาเลิกเรียน 12.20น.

สิ่งที่ได้รับ
-อาจารย์อธิบายถึงวิธีเขียนบล็อกที่ถูกต้อง
-เพื่อนๆออกมานำเสนอบทความ 5 คน

บิดาแห่งการศึกษาปรฐมวัย คือ เฟรดริค วิสแฮม เฟรอเบล
 -ทักษะวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย
-ความหมายของวิทยาศาสตร์ การศึกษาสืบค้นและวัดระดับความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติโดยอาศัยกระบวนการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างมีแบบแผน
-แนวคิดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์

  1. การเปลี่ยนแปลง
  2. ความแตกต่าง
  3. การปรับตัว
  4. การพึ่งพาอาศัยกัน
  5. ความสมดุล
สรุป
แนวคิดพื้นฐานที่ว่าทุกสิ่งบนโลกนี้ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และความแตกต่างย่อมล้วนแต่มีเหตุผล ความแตกต่างกันหรือคล้ายคลึงกันโดยอาศัยการปรับตัวและพึ่งพาอาศึยกันเพื่อให้เกิดความสมดุล

การศึกษาวิธีการทางวิทยาศาสตร์
  1. ขั้นกำหนดปัญหา
  2. ขั้นตั้งสมมติฐาน
  3. ขั้นรวบรวมข้อมูล
  4. ขั้นลงข้อสรุป
เจตคติทางวิทยาศาสตร์
  1. ความอยากรู้อยากเห็น
  2. ความเพียรพยายาม
  3. ความมีเหตุผล
  4. ความซื้อสัตย์
  5. ความมีระเบียบและรอบคอบ
  6. ความใจกว้าง
ความสำคัญและประโยชน์
ความสำคัญ
  • เสริมสร้างประสบการณ์
  • ตอบสนองความต้องการตามวัยของเด็ก
  • พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ประโยชน์
  • พัฒนาความคิดรวบยอดพื้นฐาน
  • พัฒนาการทักษะแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์
การประยุกค์ใช้
วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยตามแนวทางการจัดกิดกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยจะฝึกให้เด็กได้ฝึกปฎิบัติการวิเคราะห์สังเคราะห์ สืบเสาะหาความรุ้ด้วยตัวเอง การทำโครงงาน การทดลองจัดประสบการณ์ ออกแบบกิจกรรมด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น

เทคนิคการสอน
  1. มีการใช้คำถามเพื่อให้นักศึกษามีส่วนร่วมที่เกิดจากการระดมความคิด
  2. การนำเสนอบทความ เป็นการวิเคราะห์บทความ
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
คุณลักษณะที่มีความจำเป็นต้องมีในตัวของผู้ที่จะต้องอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหาหรือปฏิบัติการต่างๆ ซึ่งมี13ทักษะดังนี้
  1. ทักษะการสังเกต
  2. ทักษะการวัด
  3. ทักษะการจำแนก
  4. ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา
  5. ทักษะการคำนวณ
  6. ทักษะการจัดทำ และสื่อความหมายข้อมูล
  7. ทักษะการสื่อความหมายข้อมูล
  8. ทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูล
  9. ทักษะการพยากรณ์
  10. ทักษะการตั้งสมมุติฐาน
  11. ทักษะการกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ
  12. ทักษะการกำหนด และควบคุมตัวแปร
  13. ทักษะการทดลอง

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

ครั้งที่3

บันทึกอนุทิน
วันที่2 กันยายน 2557
ครั้งที่3 เวลา08.30-12.20น.
เวลาเข้าเรียน08.30น. เวลาเลิกเรียน 12.20น.

สิ่งที่ได้รับ
เพื่อนออกมานำเสนอบทความ 5 คน

คนที่1 นางสาวกมลวัลย์ นาควิเชียร
เรื่องวิทยาศาสตร์และการทดลอง

ทักษะทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
     เด็กปฐมวัยที่มีความอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นวัยที่มีการพัฒนาทางสติปัญญาสูงที่สุด ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นทักษะที่ส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยสามารถคิดหาเหตูผล แสวงหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาได้ตามวัยของเด็ก ควรจัดกิจกรรมให้เด็กได้ลงมือกระทำด้วยตนเองจากสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ อันเป็นกระบวนการขั้นพื้นฐานหรือทักษะเบื้องต้นที่ควรส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยได้รับพัฒนา 7 ทักษะกระบวนการ คือ......

  1. ทักษะการสังเกต
  2. ทักษะการจำแนกประเภท
  3. ทักษะการวัด
  4. ทักษะการสื่อความหมาย
  5. ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล
  6. ทักะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส,สเปสกับเวลา
  7. ทักษะการคำนวณ
คนที่2 นางสาวศิรดา สักบุตร
เรื่องภาระกิจตามหาใบไม้

    กิจกรรมการเรียนรู้จากใบไม้ที่โรงเรียนบ้านสลิดหลวงวิทยา ตำบลแม่ห้องสอง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ซึ่งเป็นโรงเรียนในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เป็นตัวอย่างหนึ่งของกิจกรรมบูรณาการที่ให้เด็กๆ ได้ฝึกการสังเกตและวาดภาพใบไม้ 
     "เดิมเด็กไม่ได้ลงมือปฎิบัติก็ไม่ค่อยสนใจเรียน เสียสมาธิง่าย อีกอย่างเด็กอนุบาลที่นี้เป็นเด็กชาวเขา 100% ครูก็สื่อสารยากเพราะไม่เข้าใจภาษาถิ่น เด็กก็ไม่เข้าใจภาษาไทย ต้องมีครูภาษาถิ่นเข้ามาช้วย โชคดีที่มีเด็กบางคนรู้ทั้ง2ภาษาก็จะช่วยเพื่อน บางทีก็ช่วยครูด้วยเหมือนกัน" 

    "พอนำเอาวิธีการสอนของ สสวท. มาใช้ เราก็บูรณาการวิชาภาษาไทยเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งวิชาทำให้เด็กๆมีปฏิสัมพันธ์กะบครูมากขึ้น กระตือรือร้น กล้าคิด กล้าแสดงออกมากกว่าเดิมไม่ต้องรอให้ครูบอกเพียงอย่างเดียว"

คนที่3 นางสาวศิรพร พัดลม
เรื่อง เรียนรู้วิทย์แบบบูรณาการฉบับเด็กชายขอบ

         อีกหนึ่งกิจกรรมการเรียนรู้ของเด็กชายขอบให้สามารถ "ล่องแก่งอย่างไรให้ปลอดภัย" ซึ่งสอนเด็กๆให้รู้จักและเรียนรู้ถึงประโยชน์ของอุปกรณ์ที่ใช้ในการล่องแก่ง เช่น ไม้พาย หมวกกันน็อก เสื้อชูชีพ และวิธีการล่องแก่งที่ปลอดภัย จากการสังเกต คิดวิเคราะห์ตัวตัวเอง
          ครูพัชรา อังกูรขจร ครูวิทยฐานะชำนาญการ โรงเรียนบ้านแม่ละเมา ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กล่าวว่า ขณะนี้พ่อแม่เด็กหลายคนที่เข้ามาเรียนรู้ร่วมกับเด็กๆได้กลายมาเป็นแกนนำผู้ปกครอง และสามารถจัดตั้งเป็น "เครือข่ายพ่อครู-แม่ครู" ถึง 12 กลุ่มเครือข่าย มาอาสาช่วยสอนและจัดกิจกรรมกับโรงเรียน ผู้ใหญ่หลายท่านในชุมชนมีภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ส้อดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ก็มาช่วยกัน ซึ่งช่วยแบ่งเบาปัญหาครูขาาดแคลนในพื้นที่ได้เป้นอย่างดี เนื่องจากผู้ปกครองหรือครูบ้างท่าไม่ได้มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์โดยตรง ดังนั้น ก่อนทำกิจกรรมเราจะมาประชุมกันก่อนเพื่อสรุปว่า กิจกรรมแต่ละชุด เด็กจะต้องเรียนรู้ คำสำคัญหรือคีย์เวิร์ดอะไรบ้าง ทุกฝ่ายจะได้เข้าใจตรงกันและดำเนินกิจกรรมไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเราคงเริ่มที่รัดับประถมศึกษาก่อนถ้าหาก สสวท. สามารถขยายกิจกรรมลักษณะนี้ไปจนถึงประถมศึกษษ3 เท่ากับเด็กจะมีเวลาฝึกฝนกระบวนการคิดวิเคราะห์ถึง5ปี ซึ่งน่าจะเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมพอในการปลูกฝังเด็ก

คนที่4 นางสาวศิริวรรณ กรุดเนียม
เรื่อง วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

การแยกประเภทเมล็ดพืช มีความแตกต่างกันในด้านขนาด รูปร่าง สี และความหยาบละเอียดของผิวนอกเมล็ด
วัตถุประสงค์
  1. แยกประเภทของเมล็ดพืชได้อย่างน้อย2ลักษณะ
  2. เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับความแตกต่างกันของเมล็ดพืช
วัสดุอุปกรณ์
  1. เมล็ดพืช ชนิด ขนาด รูปร่าง สี ที่แตกต่างกัน
  2. ถาด
  3. ภาชนะสำหรับใส่เมล็ดพืช  
กิรกรรม
  1. จัดเมล็ดพืชทุกประเภทที่สามารถหามาได้โดยผสมกันแล้วแบ่งใส่ภาชนะเพื่อแจกให้กับเด็กทุกคน
  2. หลังจากนั้นให้เด็กๆแยกประเภทของเมล็ด
  3. อธิบายเกี่ยวกับวิธีการที่เด็กแต่ละคนแยกประเภท โดยอาจจะให้เด็กๆเดินดูของเพื่อนคนอื่นๆ ว่าเขาทำกันอย่างไร
คนที่5 นางสาวขวัญฤทัย ใยสุข
เรื่อง การเป่าลูกโป่ง

***เพื่อนหาเนื้อหามาไม่ตรงกับที่อาจารย์สั่ง แต่อาจารย์ให้โอกาสเพื่อนออกไปนำเสนอในส่วนที่ตัวเองเตรียมมา***

ธรรมชาติของเด็กปฐมวัย
  • พอใจคนที่ตามใจ
  • มีช่วงความจำสั้น
  • สนใจนิทานและเรื่องราวต่างๆ
  • อยากรู้อยากเห็นทุกอย่าง
  • ชอบทำให้ผู้ใหญ่พอใจ
  • ช่วยตนเองได้
  • ชอบเล่นแบบคู่ขนาน
  • พูดประโยคยาวขึ้น
  • ร้องเพลงง่ายๆและแสดงท่าทางเลียนแบบ
เรียนรู้        =   การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
เฟลอเบล  =   การเรียนรู้ผ่านการเล่น

ครั้งที่2

บันทึกอนุทิน
วันที่26 สิงหาคม 2557
ครั้งที่2 เวลา 08.30-12.20น.
เวลาเข้าเรียน08.30น. เวลาเลิกเรียน12.20น.

สิ่งที่ได้รับ
อาจารย์ได้บรรยายกระตุ้นนักศึกษาก่อนเข้าสาระการเรียนรู้เกี่ยวกับเด็กปฐมวัย

การยกตัวอย่างจากภาพ

  • การตอกไข่ของเด็ก เด็กจะรู้ว่าไข่สามารถรู้ว่าไข่สามารถแตกได้กากมีการกระแทก และเมื่อไข่แตกจะเกิดอะไรขึ้น เด็กก็จะเกิดการเรียนรู้ได้อีกว่าเมื่อไข่แตกแล้วจะมีของเหลวที่เราเรียกว่าไข่แดง ไข่ขาว ไหลออกมา
  • การเล่นเครื่องเล่น เช่น เด็กเล่นครกกับสาก เด็กจะสามารถเรียนรู้ได้ว่าหากครกกับสากกระทบกันแรงๆจะทำให้เกิดเสียง
สรุป
วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน วิทยาศาสตร์ต้องอาศัยเครื่องมือการเรียนรู้ คือ
  • คณิตศาสตร์
  • ภาษา เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ
เด็กปฐมวัยจะเรียนรู้ประสบการณ์จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เพราะเป็นเรื่องที่ไกล้ตัวเด็กมากที่สุด

วิทยาศาสตร์ คือ
  • ความพยายามของมนุษย์ที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจกับสิ่งรอบตัว และตัวตนของตนเอง
  • ความพยายามเช่นนี้ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด ซึ้งสะท้อนให้เห็นธรรมชาติของเด็กที่มีความอยากรู้อยากเห็น ช่างสังเกต และช่างซักถาม
  • การทำความเข้าใจกับสิ่งรอบตัวและตัวตนของตนเอง โดยกรสังเกตและคอยซักถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่พวกเขาเจอ